เปลี่ยนนมขวดให้เป็นไอศกรีมถ้วย
อะไรที่ดึงดูดลูกค้าให้สไลด์เปิดกระจกตู้แช่ในร้านเกษตรอภิรมย์ ไส้กรอกกับเนื้อสัตว์แช่แข็งคุณภาพก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งที่มีลูกค้าหยิบไปกินไม่ขาดสาย นั่นก็คือ "ไอศกรีม" ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรส ไม่ว่าจะเป็น สตรอว์เบอร์รี รัมลูกเกด โยเกิร์ตบลูเบอรี่ ช็อคโกแลต วนิลาชิพ ชาเขียว และไอศกรีมนมสด เป็นต้น
ถ้าดูให้ดีๆ ที่ฝาไอศกรีมจะมีรูปวัวหรือรูปแพะแปะอยู่ คงเดาได้ไม่ยากว่ามันเป็นตัวระบุว่าไอศกรีมที่อยู่ใต้ฝานั้นทำมาจากนมอะไร วัวหรือแพะ ไอศกรีมจากนมวัวนั้นคงจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรเพราะเราก็เห็นกันจนชินตาอยู่แล้วในร้านสะดวกซื้อ แต่กับนมแพะนั้นเราคงไม่ได้เห็นกันบ่อยนักในรูปของไอศกรีม ซึ่งที่ร้านเกษตรอภิรมย์มีวางขายเป็นทางเลือกให้ลูกค้า
ถ้านึกถึงนมแพะไม่มีกลิ่น หลายคนคงจะนึกถึงคณะเกษตร กำแพงแสน นี่คือหลักฐานชัดเจนว่าคณะมีความเชี่ยวชาญและมีการส่งเสริมนมแพะให้กับเกษตรกรมาสักพักใหญ่แล้ว แม้จะตัดข้อเสียเรื่องกลิ่นออกไปได้ แต่นมแพะยังมีข้อเสียอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือมันไม่ได้มีกินตลอดทั้งปี ใน 1 ปีจะมี 4 เดือนที่แพะไม่ให้นมเพราะอยู่ในระหว่างฤดูผสมพันธุ์และตั้งท้อง โจทย์ใหญ่คือจะทำอย่างไรเมื่อลูกค้าต้องการดื่มนมแพะตลอด 12 เดือนต่อปี วิธีที่ง่ายที่สุดคือเอานมแพะสดมาแช่แข็งเก็บไว้ แต่น่าเสียดายที่เนื้อสัมผัสของมันจะค่อยๆ เปลี่ยนไปตามเวลาและไม่อร่อยเหมือนเดิม นั่นจึงเป็นที่มาของงานวิจัยเพื่อนำนมแพะไปแปรรูป และไอศกรีมหลากหลายรสที่เห็นวางอยู่ในร้านเกษตรอภิรมย์นี้ก็คือผลจากความสำเร็จของงานวิจัยนี้
ไม่เพียงแค่ไอศกรีมถ้วยเท่านั้น คณะฯ ยังพัฒนาต่อไปเป็นไอศกรีมแท่งเอาใจลูกค้าวัยเด็ก นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังมีส่วนผสมของนมเพื่อให้สารอาหารที่จำเป็นกับวัยนี้ด้วย ที่ปลายถุงมีการใช้ก้านกล้วยมาผูกให้ลูกค้าได้รู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ต่อไปเราคงจะได้เห็นไอศกรีมรูปแบบใหม่ออกมาขายอีกเรื่อยๆ ตราบใดที่งานวิจัยยังไม่หยุดนิ่ง
หากมีวัตถุดิบคุณภาพดี บวกกับงานวิจัยที่ประยุกต์ใช้ได้จริงแล้ว สินค้าเกษตรก็สามารถสร้างมูลค่าและความแตกต่างให้กับตลาดได้ เหมือนอย่างที่เราได้เห็นจากไอศกรีมถ้วยเล็กๆ จากร้านเกษตรอภิรมย์แห่งนี้